0. First Love: October 2006

Saturday, October 28, 2006

อักษรเบรลล์

อักษรเบรลล์ (The braille Code) เป็นอักษรสำหรับคนตาบอด ประดิษฐ์โดย หลุยส์ เบรลล์ (Louis Braille) ครูตาบอดชาวฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นจุดนูนเล็กๆ ใน 1 ช่องประกอบด้วยจุด 6 ตำแหน่ง ซึ่งนำมาจัดสลับกันไปมาเป็นรหัสแทนอักษรตาดีหรือสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ โน้ตดนตรี ฯลฯ การเขียนใช้เครื่องมือเฉพาะเรียก สเลท (Slate) และดินสอ (Stylus) การพิมพ์ใช้เครื่องพิมพ์เรียก เบรลเล่อร์ (Brailler) ใช้กระดาษหนาขนาดกระดาษวาดรูป



หลุยส์ เบรลล์(Louis Braille)ครูตาบอดชาวฝรั่งเศส ผู้ประดิษฐ์อักษรสำหรับคนตาบอดอ่าน โดยใช้นิ้วมือสัมผัส เขาได้ความคิดมาจากการส่งข่าวสารทางทหาร ในเวลากลางคืนของกัปตันชาร์ลส์ บาร์บิเอร์ ซึ่งใช้กระดาษแข็งปั๊มเป็นรหัสจุด-ขีด โดยพัฒนามาเป็นระบบ 6 จุด ซึ่งสามารถจัดกลุ่มของจุดได้ถึง 63 แบบ ใช้แทนอักษรตาดี










อักษรเบรลล์ภาษาอังกฤษ











สัญลักษณ์ต่างๆ






ตัวเลข (ในการเขียนตัวเลข จะต้องมีเครื่องหมายนำเลขเสมอ)

อักษรเบรลล์ภาษาไทย









พยัญชนะไทย










สเลท (Slate) และดินสอ (Stylus)















เครื่องพิมพ์ เบรลเล่อร์ (Brailler)

Monday, October 16, 2006

ภาพรถสวยๆอะนะคือว่าเราชอบก็หามาให้ดูกัน
Chrysler Viper
Porsche Carrera
Lotus Elise

VW w12
Nissan 350 Z
Porsche 911 GTZ

เผอิญไม่มีงบพอที่จะซื้อได้คงดูไปก่อน เหอๆ

Sunday, October 15, 2006

Meaning of ROSE










Wednesday, October 04, 2006

วันไหว้พระจันทร์ หรือ วัน "จงซิวเจี๋ย" ที่ชาวจีนเรียกจะอยู่ในช่วงเวลากลางฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงและทอแสงเป็นประกายสว่างไสวสวยงามมากที่สุด โดยปกติจะมีขึ้นในวันที่ 15 (วันเพ็ญ) เดือน 8 (เดือนกันยายน หรือตุลาคม) ปีนี้ตรงกับวันที่ 18 กันยายน 2549

เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงนี้จัดให้มีขึ้น เพื่อระลึกถึงเทพธิดาแห่งพระจันทร์ ซึ่งเชื่อกันว่าถือกำเนิดขึ้นในวันนี้

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับต้นกำเนิดของเทศกาลนี้ยังคงไม่เป็นที่ปรากฎแน่ชัด บ้างก็ว่า จักรพรรดิ์วู แห่งราชวงศ์ฮั่นเป็นผู้ริเริ่มการฉลองเพื่อกราบไว้พระจันทร์เป็นเวลา 3 วันในฤดูใบไม้ร่วงนี้ แต่หลายคนก็แย้งว่า ความจริงแล้วเทศกาลนี้เกิดขึ้นในราวปี พ.ศ.1911 ในช่วงมองโกลยึดครองจีน
ขนมเค้กที่ทำขึ้นก็เพื่อซุกซ่อนข้อความลับของพวกกบฎที่มีถึงประชาชนทั่วทั้งประเทศให้มาชุมนุมกันครั้งใหญ่ในเดือน 8 นี้ ทหารมองโกลไม่ได้ระแวงถึงจุดประสงค์ของพวกกบฎ เพราะคิดว่าขนมเค้กเหล่านั้นเป็นการทำตามประเพณีดั่งเดิมของชาวจีน ด้วยเหตุนี้ในคืนนั้นเองทหารมองโกลจึงถูกปราบเสียราบคาบหลังจากที่ราชวงศ์ใหม่คือ ราชวงศ์ หมิง ได้ถูกจัดตั้งขึ้นแล้ว ประเพณีนี้ก็ถือปฏิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้

นอกจากข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เหล่านี้แล้ว ก็ยังมีนิทานและตำนานอีกหลายเรื่อง หนึ่งในจำนวนนี้ก็คือเรื่องเกี่ยวกับ นางเสี้ยงหงอ (บ้างก็เรียกฉางอี้) ซึ่งเป็นหญิงที่มีความงดงามมาก นางเป็นภรรยาของขุนนางจีนท่านหนึ่ง หลังจากที่นางทานยาวิเศษเข้าไป
นางก็เหาะขึ้นไปอยู่บนพระจันทร์ภายหลังนางกลายเป็นอมตะหลังจากที่ได้ดื่มน้ำอมฤตของเทพธิดาองค์หนึ่งบนสวรรค์ กล่าวกันว่านางจันทรเทพธิดาเสี้ยงหงอมีน้ำใจเมตตาเอื้ออารีมาก พอถึงฤดูกาลเพาะปลูกนางก็จะประพรมน้ำอมฤตลงมาบนพื้นโลกและนี่ก็นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองแก่ชาวไร่ชาวนาทั้งมวล เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อนางจันทรเทพธิดาชาวนาจึงทำขนมโก๋จากแป้งข้าวเจ้าเพื่อสักการะนางในคืนวันเพ็ญเดือน 8

เนื่องจากว่าโดยปกติประเพณีต่าง ๆ ของชาวจีนจะเกี่ยวของกับการทำอาหารพิเศษ ๆ เพื่อเป็นเครื่องสักการะในวันนั้น
แต่ว่าอาหารจีนที่ทำขึ้นในวันไหว้พระจันทร์นี้ไม่ใช่ขนมเค้กอย่างเช่นของชาวตะวันตกตามที่เข้าใจกัน ในประเทศไทย ศิลปะการทำขนมเค้กแบบชาวจีนนี้ถูกนำเข้ามาเผยแพร่โดยชาวจีนอพยพมากกว่า 100 ปีมาแล้ว

สำหรับเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ "ขนมไหว้พระจันทร์" ที่ใช้เป็นเครื่องเซ่นไหว้เทพเจ้าดวงจันทร์ โดยคนจีนจะเรียกขนมไหว้พระจันทร์ว่า "ขนมเอี้ยปิ่ง" ซึ่งความหมายถึง ความพรั่งพร้อม สมบูรณ์ และความสมหวัง


ขนมไหว้พระจันทร์ของจีน แต่เดิมนั้นมีส่วนประกอบ เช่น ถั่วแดง ลูกนัทจีน 5 ชนิด และ เมล็ดบัว เป็นต้น ในประเทศไทยก็มีส่วนประกอบที่แตกต่างออกไป เช่น การรวมเอา ทุเรียน ลูกเกาลัด และ ลูกพลับ เข้าไว้ด้วย เครื่องปรุงที่เพิ่มเข้ามาก็อาจจะรวมเอา เมล็ดบัว ไข่แดงเค็ม และ เมล็ดแตงโม ด้วย