0. First Love: October 2007

Sunday, October 28, 2007


พอดี เราพึ่งกลับมาจากแม่กลอง บ้านญาติเราเอง เราเลยอย่างลองนำเสนอสถานที่เที่ยวและก็ข้อมูลย่อๆของจังหวัดสมุทรสงครามให้ได้รู้จักกัน ก็และกันนะ

เมืองหอยหลอด ยอดลิ้นจี่ มีอุทยาน ร 2 แม่กลองไหลผ่าน นมัสการหลวงพ่อบ้านแหลม
สมุทรสงคราม เป็นจังหวัดเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึง หากใครชอบการท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั่งเดิม ไม่ว่าจะเป็นอาชีพการทำสวนผักผลไม้ การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว หรือ เที่ยวชมตลาดน้ำท่าคาที่ยังคงสภาพตลาดนัดแบบชาวบ้านชาวสวนของชุมชนริมคลอง จังหวัดสมุทรสงครามจึงเป็นจังหวัดที่น่าไปเยี่ยมเยือนสำหรับผู้สนใจการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและวัฒนธรรม
เมืองสมุทรสงครามสร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เดิมเข้าใจว่าเป็นแขวงหนึ่งของราชบุรี เรียกว่า “สวนนอก” ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาต่อเนื่องกับสมัยกรุงธนบุรี จึงแยกจากราชบุรี เรียกว่า “เมืองแม่กลอง ” จังหวัดสมุทรสงครามอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 72 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 416 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภออัมพวา และอำเภอบางคนที

ข้อมูลการเดินทางของ จ. สมุทรสงคราม
ไปตามทางหลวงหมายเลข 35 ถนนสายธนบุรี-ปากท่อ (พระราม 2) ผ่านสี่แยกมหาชัย-นาเกลือ ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 63 จะมีทางแยกต่างระดับ เข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม หรือใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1543


ถ้าไปถึงแม่กลองก็ต้องไปนมัสการหลวงพ่อวัดบ้านแหลมซึ่งผู้คนที่นั่นให้ความเคารพบูชากันอยู่ไม่ใช่น้อย ยังไม่หมดแค่นั้นสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งคือ ตลาดน้ำ อัมพวาซึ่งที่นี่จะเปิดให้ไปเที่ยวชมกันเฉพาะวันศุกร์-วันอาทิตย์ในช่วงเย็นๆแดดล่มลมตกกัน ยังมีสถานที่เที่ยวอีกมากมายเลยที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น ดอนหอยหลอด อุทยาน ร.๒ และสวนผลไม้ต่างๆนานาชนิด และถ้าอยากจะชมบรรยากาศในช่วงพลบค่ำแล้วละก็ขอแนะนำ การนั่งเรือชมหิ่งห้อย ท่ามกลางความเงียบสงบริม2ฝั่งแม่น้ำ มันจะเป็นบรรยากาศที่หลายๆคงประทับใจและลืมไม่ลงกันเลยทีเดียว

ต่อมาเรามาพูดถึงอาหารและผลไม้ที่เด่นๆในจังหวัดนี้กันหน่อยดีกว่า


ขอเริ่มที่อาหารก่อนเลย ขอแนะนำสิ่งแรกๆเลย นั่นคือ ปลาทู ปลาทูที่นี่จะสดและก็รสชาดไม่ค่อยเค็มเหมือนที่อื่นๆ ต่อจากนั้นก็ต้องกะปิคลองโคน ขอบอกว่าเอามาตำน้ำพริกอร่อยสุดๆขอรับประกันเลยกะปิที่นี่ก็ไม่เค็มมากแถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วยเราชอบมาก (เหอๆขอส่วนตัวนิสนึง) ยังนะยัง ยังไม่หมดพวกอาหารแห้งก็ดี อร่อยดี ราคาก็ไม่แพงมาก
ต่อมาก็ป็นผลไม้ก็แล้วกันนะ ผลไม้ที่เลื่องชื่อที่นี่เห็นจะเป็น ลิ้นจี่(พันธุ์อีค่อมเนี่ยอร่อยสุด)ทั้งหวานทั้งกรอบ และก็มีส้มโอ ชมพู่ มะพร้าวหอม (เม.ย -พ.ค)ที่อยากให้ลองไปชิมด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศหรือแม้แต่ความอร่อยเราก็อยากให้ไปลองสัมผัสด้วยตัวเอง รับลองว่าทุกคนจะประทับใจเหมือนที่เราเป็น ฮิ้ววววววววววววว

Monday, October 15, 2007


อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ รอบ ๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงาม และเอกลักษณ์ทางธรรมชาติคือภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาเป็นชั้น ๆ ถ้ำที่สวยงาม ตลอดจนชายหาดยาวสะอาด สุสานหอย 40 ล้านปี ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 389.96 ตารางกิโลเมตร หรือ 243,725 ไร่


Îles Phi Phi

Les îles Phi Phi (เกาะ พีพี) (prononcer pi-pi) se situent dans la Mer d'Andaman au large de la Thaïlande (dont elles sont possession), entre l'île de Phuket et le continent. Elles font partie de la province de Krabi. L'île de Phi Phi Don (ou Ko Phi Phi Don, Ko signifiant « île » en thaï) est la plus grande île de cet archipel très touristique. Phi Phi Don est un haut lieu de la plongée sous-marine,elle est aussi particulièrement réputée pour ses vertigineuses falaises calcaires. Cependant, la deuxième plus grande île, Phi Phi Lee, est la plus célèbre bien qu'inhabitée. En effet,ses paysages paradisiaques l'ont fait connaître dans le monde entier et l'archipel est considéré comme l'un des plus beaux au monde. Les autres îles du groupe sont essentiellement des rochers.

L'île Phi Phi Lee a été le cadre du film La plage, tourné sur le site de Maya Bay en 2000 avec Leonardo DiCaprio, Guillaume Canet et Virginie Ledoyen. La production (20th Century Fox) fut accusée d'avoir causé de nombreux dégâts à l'écosystème insulaire. Dégâts qui se poursuivent de nos jours compte tenu du flot continu de touristes et de bateaux de toutes tailles attirés quotidiennement sur le site, précisément à cause de ce film.

Le 26 décembre 2004, à 9h45 (heure locale) Phi Phi Don a été très exposée à un tsunami de 10 mètres de haut, conséquence du tremblement de terre ayant touché l'Asie du sud-est au large de Banda Aceh, Sumatra, trois heures plus tôt. On estime à 2000 personnes le nombre de victimes et de disparus lors de la catastrophe et à une année la durée de reconstruction des infrastructures touristiques pour l'essentiel totalement détruites sur la bande de terre séparant les deux baies du centre de l'île.

Aujourd'hui, l'île principale Phi Phi Don est en majorité reconstruite. Les touristes sont de retour et chaque habitant a repris son cours de vie normale. On retrouve encore quelques rues en friche et des bâtiments partiellement démolis. En guise de commémoration, un parc en souvenir des victimes du tsunami a été érigé au cœur du village de Tonsaï. Un système d'alerte au tsunami a été mis en place pour pallier un éventuel évènement tragique, et les habitants du village savent désormais comment réagir à une telle catastrophe, des panneaux répartis dans le village indiquent le chemin à suivre en cas d'alerte : le point le plus haut de l'île

เทศกาลกินเจ
ประเพณีการกินเจกำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนทุกๆ ปี รวม 9 วัน 9 คืน
ความหมายของ เจ
ในภาษาจีนมี(กลุ่ม)คำหรือวลีที่ใช้อักษรแจ(เจ, 齋 / 斋 )เป็นตัวประกอบร่วมด้วยหลายคำ แต่คำว่าโป๊ยกวนแจไก่ (八關齋戒 ) ซึ่งเป็นศัพท์ของทางพุทธศาสนา ดูจะเป็นคำที่นิยมหยิบยกมาใช้อธิบายความหมายของอักษรแจเสมอมา โป๊ยกวนแจไก่ (八關齋戒 ) แปลว่า ศีลบริสุทธิ์แปดประการ ซึ่งก็คือ “ศีลแปด”ที่เรารูจักกันดี
เจียะแจ หรือ ตรงกับคำไทยที่นิยมใช้กันว่า กินเจ จึงแปลว่า การกินอาหารที่บริสุทธิ์ตามความเชื่อ(ในลัทธิกินเจ) ซึ่งหมายความถึงอาหารที่ไม่คาวหรือไม่เจือปนซากผลิตภัณฑ์ของสัตว์ รวมทั้งไม่ปรุงใส่พืชผักต้องห้าม คำว่าเจียะแจนี้ชาวจีนฮกเกี้ยนทางปักษ์ใต้แถบจังหวัดภูเก็ตเรียกต่างออกไปว่า เจียะไฉ่ (食菜) ที่แปลตามตัวอักษรได้ว่า “กินผัก” แต่มีนิยามหรือความหมายตรงกับคำว่าเจียะแจที่กล่าวข้างต้น

กินเจเพื่ออะไร?
ผู้ที่กินเจอาจจะมีจุดเริ่มต้นที่แตกต่างกันไป แต่จุดประสงค์หลักสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1.กินเพื่อสุขภาพ อาหารเจเป็นอาหารประเภทชีวจิต เมื่อกินติดต่อกันไปช่วงเวลาหนึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการปรับตัวให้อยู่ในสภาวะสมดุล สามารถขับพิษของเสียต่างๆ ออกจากร่างกายได้ ปรับระบบไหลเวียนโลหิต ระบบทางเดินอาหารให้มีเสถียรภาพ

2.กินด้วยจิตเมตตา เนื่องจากอาหารที่เรากินอยู่ในชีวิตประจำวัน ประกอบด้วยเลือดเนื้อของสรรพสัตว์ ผู้มีจิตเมตตา มีคุณธรรมและมีจิตสำนึกอันดีงามย่อมไม่อาจกินเลือดเนื้อของสัตว์เหล่านั้นซึ่งมีเลือดเนื้อ จิตใจและที่สำคัญมีความรักตัวกลัวตายเช่นเดียวกับคนเรา

3.กินเพื่อเว้นกรรม ผู้ที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งย่อมตระหนักว่าการกินซึ่งอาศัยการฆ่าเพื่อเอาเลือดเนื้อผู้อื่นมาเป็นองเราเป็นการสร้างกรรม แม้ว่าจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าเองก็ตาม การซื้อจากผู้อื่นก็เหมือนกับการจ้างฆ่าเพราะถ้าไม่มีคนกินก็ไม่มีคนฆ่ามาขาย กรรมที่สร้างนี้จะติดตามสนองเราในไม่ช้าทำให้สุขภาพร่างกายอายุขัยของเราสั้นลงเป็นบ่อเกิดของโรคภัยไข้เจ็บ


การปฏิบัติตนในช่วงกินเจ

ในช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน 9 คืน ผู้ที่ต้องการกินเจอย่างครบถ้วยสมบูรณ์ตามประเพณีการกินเจ จะต้อง
ปฏิบัติดังนี้
1.งดเว้นเนื้อสัตว์หรือทำอันตรายต่อสัตว์
2.งด
นม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์
3.งดอาหารรสจัด ซึ่งหมายถึงอาหารเผ็ด หวานมาก เปรี้ยวมาก เค็มมาก
4.งดผักหรือเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น
ผักชี กระเทียม หัวหอม ต้นหอม กุยช่าย รวมทั้งใบยาสูบ สิ่งเสพติด5.และของมึนเมาต่างๆ
6.รักษา
ศีลห้า
7.รักษาจิตใจให้บริสุทธิ์ รักษาอารมณ์
8.ทำบุญทำทาน
9.นุ่งขาวห่มขาว

สำหรับผู้ที่เคร่งครัดเพื่อการกินเจให้เป็นไปอย่างบริสุทธ์โดยแท้ จะเพิ่มการปฏิบัติโดยการกินอาหารเฉพาะที่คนกินเจด้วยกันเป็นผู้ปรุงเท่านั้น รวมถึงจะล้างหม้อไหจนสะอาดเอี่ยมแยกภาชนะสำหรับการปรุงอาหารเจไว้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังจุดตะเกียงไว้ 9 ดวงตลอดช่วงเทศกาลกินเจ 9 วัน โดยไม่ปล่อยให้ดับเพื่อเป็นพุทธบูชาและรำลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ญาติพี่น้องตลอดจนผู้ที่มีบุญคุณต่อผืนแผ่นดินเกิด